Micra รถยนต์ไฟฟ้าโฉมใหม่จาก NISSAN เตรียมเปิดตัวช่วงปลายปีนี้ในฝั่งยุโรป
Micra หรือที่เราๆคุ้นหูกันในชื่อของ NISSAN March รถยนต์สไตล์ Compact Hatchback รถยนต์รุ่นเล็ก มีกำหนดการเปิดตัวรุ่นใหม่เจนเนอร์เรชั่นที่ 6 ในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งรุ่นใหม่นี้มีด้วยกันให้เลือกสองรุ่นระหว่างรุ่นเครื่องยนต์ไฟฟ้า และเครื่องยนต์ปรกติ 2 รุ่น โดยจะเริ่มวางจำหน่ายที่ยุโรปเป็นที่แรก
ตัวรถถูกออกแบบโดย NISSAN Design Europe ซึ่งตั้งอยู่ที่ลอนดอน ที่ทำให้ภายนอกถูกหล่อหลอมความเป็น SUV ระดับพรีเมี่ยม เข้าไว้กับความเรียบง่ายที่ควรเป็นเข้าไว้ด้วยกัน ตัวรถจะมีเฉพาะรุ่น 5 ประตูเท่านั้น โดยมีขนาดตัวถังอยู่ที่ กว้าง 1.8 m , ยาวไม่ถึง 4 m ฐานล้อขนาด 2.54 m
ไฟหน้าที่ถือเป็นตัวตนของรุ่นนี้มีการปรับให้มีส่วนเว้าโค้งตามฝากระโปรง ขณะที่หากกดสวิชต์เปิดประตู ก็จะมีการไฟวิ่งจากซ้ายไปขวาที่เรียกว่า Welcome Wing ขณะที่ไฟท้าย LED เลือกใช้ดีไซน์แบบทรงกลมเรียบๆในสไตล์ของรุ่นนี้
สำหรับล้อทุกรุ่นมากับล้อขนาด 18 โดยแบ่งออกเป็นตามเกรดของรถ 3 รุ่นด้วยกันได้แก่ “Active” ล้อกระทะแบบมีฝาครอบ, “Iconic” และรุ่น “Sport” จะใช้ล้ออลูมิเนียม ด้วยขนาดของล้อที่เลือกใช้ล้อขนาดใหญ่นี้ช่วยเพิ่มความดุดันในสไตล์ใหม่ให้เข้ากับรถได้ลงตัว สีตัวถังมีให้เลือกด้วยกัน 14 โทนสี โดยสามารถปรับเป็น ทูโทนบริเวณหลังคาว่าจะเป็นสีเทาหรือดำได้
ภายใน ยังคงสานต่อจิตวิญญานเดิมที่สร้างมาโดยยังคงเน้นความเรียบง่ายแต่เปี่ยมไปด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบครัน โดยเฉพาะช่องเก็บของด้านหน้าได้แรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากภูเขาไฟฟูจิ ที่เรียบง่ายแต่บ่งบอกความเป็นญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี
หน้าจอขนาด 10.1 นิ้วที่ติดอยู่บริเวณหลังพวงมาลัยใช้ในการแสดงข้อมูลต่างๆในการขับขี่ ส่วนหน้าจอ Touch Screen ด้านข้างเป็นหน้าจอสำหรับใช้เนวิเกเตอร์, คุมเครื่องเสียง, โทรศัพท์
เครื่องยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ของ Micra มีด้วยกันสองรุ่นระหว่างให้กำลัง 40kWh ให้ขุมกำลังอยู่ที่ 90kW/225Nm ขับขี่ได้ขณะชาร์ตเต็มที่ 308km ขณะที่รุ่นเครื่องยนต์ 52kWh ให้กำลังสูงสุดที่ 110kW/245Nm ระยะทางสูงสุดที่ 408km
ในเรื่องของการชาร์ตหากใช้ Quick Charge ที่กำลังไฟ 100kW จะใช้เวลาเพียงไม่เกิน 30 นาทีเท่านั้น โดยตัวระบบจะมี Heat Pump มาช่วยทำความเย็นให้กับแบตเตอร์รี่ขณะชาร์จ นอกจากนั้นยังรองรับระบบ V2L (Vehicle-to-Load) ที่สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ไฟฟ้าจากภายนอกได้อีกด้วย
ตัวรถสามารถตรวจสอบจำนวนแบตเตอร์รี่ที่เหลือ, ระดับการชาร์จไฟ, ตำแหน่งตัวรถ ฯลฯ ผ่านรีโมทคอนโทรล ด้วย App [Nissan Connect] ใน Google รวมไปถึงยังเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ ด้วยระบบ Pro Pilot Assist อีกด้วย